honda civic fd สเปค รีวิว
ครั้ง“ซีวิค FD”(เจเนอเรชันที่8)เปิดตัวปลายปี 2005 ได้สร้างปรากฏการณ์ใหม่ให้กับตลาดรถยนต์นั่งเมืองไทยพอสมควร ด้วยรูปลักษณ์ทันสมัยทั้งภายนอกภายใน พร้อมสมรรถนะการขับจี๊ดจ๊าดเร้าใจจากเครื่องยนต์ 1.8 และ 2.0 ลิตร ซึ่งรวมๆแล้วดูโดดเด่นกว่าคู่แข่งรายอื่นๆที่ขายในสมัยนั้น เรียกว่าขายดีจนเจ้าตลาดตลอดกาลอย่าง “โตโยต้า โคโรลล่า อัลติส” ต้องปรับกระบวนทัพครั้งใหญ่ ซึ่งประเมินได้จากแผนการตลาด และการไมเนอร์เชนจ์(ปี2010)โดยเฉพาะรุ่นเครื่องยนต์ 1.8ที่จัดเต็มทั้งเครื่องยนต์ Dual VVT-i และเกียร์ CVT ใหม่
เหนืออื่นใดคนที่ใช้ “ซีวิค FD” น่าจะดีใจเพราะคุณสามารถยืดเวลาตกรุ่นได้อีกปีกว่าๆ นั่นเพราะถ้าดูจากแผนโปรดักต์เดิมๆของฮอนด้าที่มักจะโมเดลเชนจ์รถทุกๆ 5 ปี ดังนั้นถ้านับตามอายุโมเดล “ซีวิค FD” ก็น่าจะถูกถอดออกจากตลาดไปตั้งแต่ปลายปี 2010
แต่กระนั้นเมื่อรถได้กระแสตอบรับดี หรือถ้าเทียบกับคู่แข่งแล้วยังสู้ได้สบายพร้อมทำยอดขายน่าพอใจ ก็คงไม่มีความจำเป็นที่จะรีบเปลี่ยนรุ่นไปไหน ซึ่งประเด็นนี้ฮอนด้า(อเมริกา)ออกมายอมรับว่า จากนี้ไปการเปลี่ยนโฉมรถจะไม่อิงกับอายุโมเดลแต่จะดูจากทิศทางการตลาดแทน
สำหรับเมืองไทยกำหนดเดิมของ “ซีวิค โฉมใหม่” เจเนอเรชันที่ 9 เตรียมเปิดตัวพร้อมขายในงาน“มอเตอร์เอ็กซ์โป 2011”ปลายปีที่แล้ว แต่เมื่อโดนซ้ำด้วยวิกฤตน้ำท่วมจึงส่งผลให้ฮอนด้า ออโตโมบิล ประเทศไทย ต้องเลื่อนการทำตลาดมาเป็นช่วงกลางปีนี้ โดยเปิดตัวอย่างเป็นทางการ 10 พฤษภาคมที่ผ่านมา (แต่นำไปอวดโฉมก่อนในงานบางกอกมอเตอร์โชว์ 2012)
หลังจากการเปิดตัวและได้เห็นรถคันจริงกันชัดๆ หลายเสียงบ่นว่าไม่สวย ดูไม่ลงตัว หรือเป็นรถลูกผสมระหว่าง ซิตี้กับแอคคอร์ดจนไร้ความโดดเด่น ซึ่งเรื่องนี้แล้วแต่ความชอบครับ ส่วนตัวผู้เขียนไม่ได้ติดใจอะไรกับรูปลักษณ์ เพราะต้องเข้าใจสไตล์การออกแบบรถยนต์รุ่นใหม่ของฮอนด้า ที่นิยมจัดวางเส้นสายไปในทิศทางเดียวกัน ที่สำคัญ “ซีวิค FD” ถือเป็นรถที่ลงตัวและล้ำหรูในหลายๆด้านๆอยู่แล้ว ดังนั้นการจะปรับใหม่ให้ฉีกจากเดิม และต้องคงความสวยให้ถูกใจทุกคนคงเป็นเรื่องยาก
ในส่วนของการตกแต่งภายในถือว่าฮอนด้าทำการบ้านมาดี โดยรถยังมีอารมณ์สปอร์ตและสวยล้ำด้วยลูกเล่นตระการตา อย่างรุ่น 1.8 จะใช้เบาะผ้าและเบาะหนังสีเบจ ส่วนรุ่น 2.0 จะใช้เบาะหนังสีดำ (แต่เชื่อว่าสักพักรุ่น 1.8 ก็ต้องมีเบาะหนังสีดำออกมาเช่นกัน) โดดเด่นด้วยมาตรวัดความเร็วดิจิตอลเรืองแสง รวมถึงหน้าจอแสดงผล i-MID ขนาด 5 นิ้วแบบใหม่ ขณะที่รุ่นเนวิเกเตอร์จะเพิ่มหน้าจอสีขนาด 6.5 นิ้วพร้อมแสดงภาพขณะถอยหลัง
สำหรับ i-MID (Intelligent Multi-Information Display) เป็นระบบใหม่ที่ฮอนด้าใส่มาให้เล่นเพลินๆครบทุกรุ่นย่อย โดยแบ่งเป็น 4 โหมดหลักคือ โหมดเครื่องเสียง ข้อมูลการโทรศัพท์ (หลังเชื่อมต่อบลูทูธ) แสดงผลอัตราสิ้นเปลืองน้ำมัน และการตั้งค่าต่างๆของรถ อาทิ สีสันบนหน้าปัด,ระบบไฟหน้า-ไฟในห้องโดยสาร,การล็อกหรือปลดล็อกประตูอัตโนมัติ โดยคนขับสามารถปรับเลือกได้ตามใจชอบ จากปุ่มควบคุมบนพวงมาลัย
นอกจากนี้“ซีวิค โฉมใหม่”ยังใส่ออปชันECON Mode เพื่อช่วยให้การขับขี่ประหยัดน้ำมันมากขึ้น เพียงกดปุ่มสีเขียวที่เขียนว่า ECON ขวามือของคนขับ ระบบจะสั่งงานให้เครื่องยนต์ตอบสนองช้าลง โดยจะควบคุมลิ้นปีกผีเสื้อ (Drive-by-Wire) ซึ่งจะยกช้าหรือยกน้อยกว่าปกติ เพื่อลดการไหลเข้าของอากาศไปในท่อไอดีและห้องเผาไหม้ รวมถึงการเปลี่ยนเกียร์ที่ไม่ลากรอบและพยายามใช้เกียร์สูงอยู่เสมอ ตลอดจนควบคุมระบบแอร์ไม่ให้ทำงานหนักจนเกินไป
เครื่องยนต์ i-VTEC 1.8 ลิตร SOHC 4 สูบ 16 วาล์ว ให้กำลังสูงสุด 141 แรงม้า ที่ 6,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 177 นิวตัน-เมตร ที่ 4,300 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 5 สปีด โดยเครื่องยนต์ 1.8 ลิตรยังเป็นบล็อกเดิมแต่ปรับเพิ่มม้าขึ้นมา 1 ตัว (เดิม 140 แรงม้า ที่ 6,300 รอบต่อนาที) พร้อมรองรับน้ำมันแก็สโซฮอล์ อี85 ดังนั้นการขับขี่แบบแรงเร้าใจที่เป็นเอกลักษณ์อันโดดเด่นของซีวิค FD ยังมีไว้เต็มเปี่ยม
การเติมคันเร่งลงไปแต่ละครั้งจะได้รับการตอบสนองที่กระฉับกระเฉง พร้อมกับเสียงเครื่องยนต์แบบ SOHC ดังหวีดหวาน อย่างการออกตัวและการเร่งแซงในย่านความเร็วต่ำยังเป็นจุดเด่น ขณะที่พวงมาลัยหันมาใช้การผ่อนแรงด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า EPS (เดิมไฮดรอลิก) แม้น้ำหนักจะเบาตามสไตล์ แต่สั่งงานซ้าย-ขวาคมกริบ ทดองศาจังหวะเลี้ยวแม่นยำ ขณะที่จังหวะกลับรถผู้เขียนก็รู้สึกว่าไม่ต้องหมุนวงเลี้ยวมากอย่างที่คิด
ด้านช่วงล่างหน้าแบบแม็คเฟอร์สันสตรัท หลังแบบมัลติลิงก์ เสริมเหล็กกันโคลงทั้งหน้าและหลัง มีการปรับให้แตกต่างไปจากรุ่นเดิม กล่าวคือในภาพร่วมยังเน้นการรองรับแบบนุ่มสบาย แต่วิศวกรได้ลดการโคลงหรือจังหวะโยนตัวให้น้อยลง ผู้เขียนลองใช้ความเร็ว 120-140 กม./ชม. การทรงตัวให้ความมั่นใจมากกว่าซีวิค FD เมื่อย้ายตัวไปเป็นผู้โดยสารด้านหลังพบว่า ความคล่องตัวลดลงจากเดิม ระยะห่างช่วงขา (Leg room) แถบไม่เหลือ (จะชัดเจนถ้าคนนั่งหน้าถอยเบาะให้ตนเองนั่งสบายที่สุด และคนนั่งหลังสูงประมาณ 180 ซม.) พร้อมรับรู้ถึงอาการเด้งสะเทือนมากกว่าการเป็นคนขับหรือผู้โดยสารด้านหน้าอยู่นิดๆ
ดังนั้นถ้าหันกลับมาดูมิติตัวถังซีวิค โฉมใหม่ จะเห็นว่ามีความยาว 4,525 มม. ลดลงจากรุ่นเดิม 15 มม. ระยะฐานล้อ 2,670 มม.สั้นกว่าเดิม30 มม. ขณะที่ความกว้างและสูงเท่าเดิมคือ 1,755 มม. และ 1,434 มม.ตามลำดับ โดยเหตุผลของโครงสร้างใหม่นี้ วิศวกรฮอนด้าชี้แจงว่า การใช้แพลตฟอร์มใหม่ที่สั้นและเบากว่ารุ่นเดิม เพื่อหวังจะให้ซีวิค โฉมใหม่ขับขี่ปราดเปรียวและประหยัดน้ำมันมากขึ้น
ที่มา ผู้จัดการ
This is actually good to read content of this blog. A is very general and huge knowledgeable platform has been known by this blog. I in reality appreciate this blog to have such kind of educational knowledge.แผ่นปูพื้นรถยนต์
ReplyDelete