Popular Posts

Friday, February 22, 2013

สิ่งที่ควรรู้ก่อนซื้อรถป้ายเเดง


สิ่งที่ควรรู้ก่อนซื้อรถป้ายเเดง
ช่วงนี้มีงานมหกรรมรถยนต์ ที่เซ็นทรัลพลาซ่า ลาดพร้าว สมาชิกคนสนใจรถทั้งหลาย คงไม่พลาด งานนี้แน่โดยเฉพาะผู้ที่กำลังมองหารถใหม่มาใช้สักคัน ถึงแม้ว่ายอดจำหน่ายรถยนต์ปีนี้จะย่ำแย่ เป็นเงาตามสภาพเศรษฐกิจของประเทศ แต่ผมเชื่อว่ายังคงมีดีมานด์จำนวนหนึ่งในตลาดรถยนต์บ้านเรา ผู้ที่ยังไม่ได้ไปชมงานมหกรรมรถยนต์’ 99 นี้ยังสามารถเข้าชมได้ถึงวันที่ 10 ธันวาคมนี้ นะครับ
ก่อนตัดสินใจซื้อรถใหม่เป็นรถคู่ใจ คุณควรถามตัวเองก่อนว่าต้องการรถแบบไหน งบประมาณ เมื่อตัดสินใจได้แล้วว่า ต้องการรถแบบใด คุณควรหาข้อมูลจากผู้มีความรู้ด้านรถยนต์ หรือปรึกษา เพื่อน ๆ ที่มีประสบการณ์ในการใช้รถยนต์แบบที่คุณสนใจ เพราะเมื่อซื้อมาแล้ว จะมีภาระตามมา อีกมากมาย
ถ้าไม่มีปัญหาเรื่องงบประมาณ ขั้นถัดไปผมแนะนำให้คุณ นำแคตตาล็อกรถยนต์ แบบที่คุณต้องการ ของแต่ละยี่ห้อมาเปรียบเทียบสเปก ราคา และข้อเสนอพิเศษต่าง ๆ
ขนาดของเครื่องยนต์และระบบขับเคลื่อน เป็นปัจจัยที่คุณควรนำมาพิจารณาในการเลือกรถ ให้ตรงกับความต้องการของคุณ หากคุณต้องการใช้รถเพื่อใช้ขับในเมือง ก็ควรเลือกใช้ รถเครื่องยนต์ขนาดเล็ก คือ ประมาณ 1,300-1,600 ซีซี แต่ถ้าต้องการใช้รถออกต่างจังหวัด ก็น่าจะใช้รถที่มีเครื่องยนต์ตั้งแต่ 2,000 ซีซีขึ้นไป เพื่อความมั่นใจในการเร่งแซง
แต่หากต้องใช้รถผสมกัน คือ ขับทั้งในเมืองและออกต่างจังหวัด คุณควรเลือกรถที่ใช้เครื่องยนต์ ขนาด 1,800 ซีซี เพราะหากคุณใช้รถเครื่องยนต์ที่มีเครื่องยนต์ขนาดเล็กขับออกต่างจังหวัด เครื่องยนต์จะสึกหรอมาก ในขณะที่ถ้าคุณใช้รถยนต์ ที่มีเครื่องยนต์ขนาดใหญ่ขับขี่ในเมือง จะทำให้สิ้นเปลืองน้ำมันในการขับขี่มาก
สำหรับระบบขับเคลื่อน ซึ่งมีแบบขับเคลื่อน 2 ล้อ และแบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ให้เลือกใช้ตามลักษณะการใช้งาน หากคุณต้องการขับรถบนเส้นทางทุรกันดาน รถประเภท ขับเคลื่อน 4 ล้อ น่าจะเหมาะสมกว่า ในขณะที่รถขับเคลื่อน 2 ล้อ เหมาะกับการขับรถบนทางเรียบ
อีกประการหนึ่งที่ไม่ควรมองข้าม คือ การบริการหลังการขายและอะไหล่ คุณควรศึกษาหาข้อมูลเกี่ยวกับศูนย์บริการและการบริการด้านอะไหล่ของรถ แต่ละยี่ห้อ ว่ามีมากน้อยเพียงใด สถานที่ตั้งของศูนย์อยู่ใกล้บ้านหรือที่ทำงานของคุณเพียงใด บริการดีหรือไม่ (อันนี้สอบถามจากเพื่อน ๆ ที่ใช้รถแต่ละยี่ห้อก็ได้) รวมทั้งศึกษาค่าบริการในการบำรุงรักษารถยนต์และค่าอะไหล่สิ้นเปลืองต่าง ๆ ด้วย
เดลินิวส์

การดูเเลรถยนต์ที่ใช้แก๊ส


การดูเเลรถยนต์ที่ใช้แก๊ส
สมัยนี้คนมีจำเป็นต้องใช้รถมากๆ การใช้น้ำมันก็ไม่ใหวซะเเล้ว ดังนั้นเเก๊สจึงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับคนทำธุรกิจตอนนี้ก็ว่าได้ อย่างขนส่งนี้ใช้น้ำมันกับเเก๊สนี่คนละเรื่องเลยถ้าคู่เเข่งใช้เเก๊สเราใช้น้ำมันอีกหน่อยคงไม่มีคนใช้บริการบริษัทเรา เพราะราคามันถูกกว่าเห็นๆ
ข้อแนะนำและข้อควรระวังในการใช้แก๊ส 1. ตรวจเช็คเครื่องยนต์ให้สมบูรณืที่สุดก่อนติดตั้งชุดแก๊ส ถ้าเครื่องยนต์ไม่สมบูรณ์การใช้แก๊สจะยิ่งด้อยลงไปอีก 2. อย่าใช้แก๊สจนหมดถัง การใช้แก๊สจนหมดถังจะทำให้ความดันแก๊สลดลงและส่วนผสมบางซึ่งเป็นสาเหตหลักของการระเบิดกลับในท่อไอดี และจะทำให้ท่อไอดี ออกซิเจนเซ็นเซอร์และชุดกรองอากาศเสียหาย บางระบบอาจมีอุปกรณ์ป้องกันแต่ก็อาจไม่มั่นใจ จึงควรเปลี่ยนเป็นน้ำมันเมื่อเครื่องเดินไม่เรียบ

3. มิเตอร์วัดแก็สจะไม่มีความเที่ยงตรงเนื่องจากวัดด้วยความดันแก๊สซึ่งเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา แนะนำให้ตรวจวัดด้วยระยะทางวิ่งและเติมแก๊สก่อนหมดเพื่อป้องกันปัญหาตามข้อ 2 4. เมื่อเครื่องเย็นให้สตาร์ทด้วยน้ำมันทุกครั้งและรอจนเครื่องร้อนจึงเปลี่ยนเป็นแก็ส การใช้แก็สขณะเครื่องเย็นจะทำให้หม้อต้มเป็นน้ำแข็ง แก็สอุดตันและรั่วในที่สุด ถ้าเครื่องสะดุดหรือดับในขณะใช้แก็ส ให้ตรวจว่าหม้อต้มร้อนหรือเย็น ถ้าเย็นให้เปลี่ยนไปใช้น้ำมัน และตรวจสอบท่อน้ำร้อนภายหลัง

 4.1. ในเครื่องยนต์คาร์บูเรเตอร์ การไม่ใช้น้ำมันนานๆ จะทำให้น้ำมันในคาร์บิวแห้งลูกยาง ปะเก็นจะแห้งตัวและรั่วภายหลัง จะเกิดคราบเหนียวที่ลูกลอย ทำให้น้ำมันท่วมเมื่อใช้น้ำมัน 4.2. ในเครื่องยนต์หัวฉีด การไม่ใช้น้ำมันนานๆ จะทำให้น้ำมันในหัวฉีดแห้ง คราบเหนียวจากน้ำมันจะทำให้หัวฉีดตัน การสตาร์ทด้วยน้ำมันจะเป็นการทำความสะอาดไปในตัว ยืดอายุงานของปะเก็นต่างๆ 4.3. ระยะเวลาการใช้น้ำมันช่วงสตาร์ทตอนเครื่องเย็นจะต่างกันในหน้าร้อนและหน้าหนาว รถที่มีฮีทเตอร์ตรวจสอบได้โดยการเปิดฮีทเตอร์แล้วมีลมร้อนออกมา แสดงว่าอุณหภูมิพร้อมสำหรับแก็ส 4.4. มิเตอร์ความร้อนของเครื่องจะไม่สามารถบอกได้ว่าอุณหภูมิถึงแล้วยัง ควรตรวจสอบจากฮีทเตอร์จะแน่นอนกว่า

5. ใช้อุปกรณ์ชุดจุดระเบิดของแท้เท่านั้น ของเทียมอาจทำให้การจุดระเบิดไม่เที่ยงตรง 6. เครื่องยนต์ที่ใช้แก็สควรเป็นเครื่องยนต์ที่ใช้น้ำมันไร้สารตะกั่ว แก็สมีค่าออกเทนสูงกว่าน้ำมัน เครื่องยนต์ที่ใช้น้ำมันไร้สารตะกั่วจะมีวาล์วและบ่าวาล์วที่แข็งกว่าแบบใช้สารตะกั่ว การใช้แก็สกับเครื่องยนต์แบบใช้สารตะกั่งจะทำให้วาล์วสึกเร็ว แต่สามารถแก้ไขโดยใช้น้ำมันหล่อลื่นช่วย 7. ตรวจสอบระดับน้ำหล่อเย็นอย่างสม่ำเสมอ น้ำหล่อเย็นน้อยอาจทำให้หม้อต้มเป็นน้ำแข็ง การช้งานในหน้าหนาว แนะนำให้เติม anti-freezing ซึ่งจะช่วยไม่ให้หม้อต้มเป็นน้ำแข็ง ซึ่งจะทำให้เค่องเดินสะดุดหรือดับ และเป็นสาเหตุของแก็สรั่ว

 8. มีเหตการณ์ที่เกิดขึ้นน้อยมากนั่นคือหัวฉีดอุดตันหลังจากไม่ได้ใช้น้ำมันมานาน เนื่องจากมีตะกรันเกาะที่หัวฉีดตอนใช้น้ำมันและแข็งตัวขึ้นตอนใช้แก็ส มีข้อแนะนำให้เติมน้ำยาล้างหัวฉีดในถังน้ำมัน น้ำยาล้างหัวฉีดจะช่วยทำความสะอาดหัวฉีดทุกครั้งที่สตาร์ทด้วยน้ำมัน 9. ไม่ควรเติมแก็สจนเต็มและจอดรถทิ้งไว้กลางแดด การกระทำดังกล่าวอาจทำห้แก็สขยายตัวจนเซฟตี้วาล์วทำงานและปล่อยระบายแก็สออกมา เหตการณ์นี้จะไม่มีอันตรายใดๆนอกจากทำให้เสียแก็สออกไปบ้าง ป้องกันโดยไม่เติมแก็สจนเต็มแล้วจอดตากแดด ปิดคลุมถังแก็สไม่ให้ถูกแสงแดดโดยตรง ใช้วัสดุป้องกันความร้อน ที่สำคัญคือห้ามถอดฝาครอบเซฟตี้วาล์วออก เพราะจะได้ระบายแก็สออกไปนอกรถ 10. ช่วงที่เติมแก็สควรตรวจดูไม่ให้สายหักงอ เพราะจะทำให้สายดิ้นได้ 11. การเปลี่ยนจากน้ำมันเป็นแก็สโดยไม่ผ่อนคันเร่งอาจทำให้เกิดการจุดระเบิดในท่อร่วมไอดี เนื่องจากแก็สยังมาไม่เต็มที่และส่วนผสมบาง ควรต้องรอให้อุณหภูมิเครื่องได้ที่และผ่อนคันเร่งลงสักครู่
 12. บางระบบแนะนำให้ใช้น้ำมันก่อนดับเครื่องยนต์ซึ่งจะทำให้การสตาร์ทครั้งต่อไปง่ายขึ้น ถ้าดับเครื่องด้วยแก็สจะสตาร์ทยากเนื่องจากจะมีน้ำมันฉีดเข้ามาพร้อมแก็สที่ยังหลงเหลืออยู่ทำให้ส่วนผสมหนา 13. ต้องดูแลบำรุงรักษาเครื่องยนต์อย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะระบบจุดระเบิดและไส้กรองอากาศ ถ้าไส้กรองอากาศตันจะทำให้ส่วนผสมหนาและมีปัญหาเดินเบา 14. อุปกรณ์วาล์วของถังบางรุ่นจะสั่นสะเทือนและมีเสียงดังเมื่อเติมแก็สเต็มถัง การสั่นสะเทือนเป็นสาเหตุให้แก็สรั่ว จึงขอแนะนำให้เติมแต่พอดี 15. ระยะเขี้ยวหัวเทียนของรถใช้แก็สจะแคบกว่าของน้ำมันเล็กน้อย

No comments:

Post a Comment